5 ข้อที่คุณต้องรู้ ก่อนทำประกัน ตามหัวข้อข้างต้นเลยนะคะ และประกันที่เราจะพูดถึงในส่วนนี้นั้นเป็นประกันสำหรับบุคคลซึ่งมีหลายแบบให้เลือก ไว้ว่าจะเป็น ประกันชีวิต ประกันการออม ประกันการลงทุน ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ เป็นต้น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรซื้อแบบไหน หรือตัวไหนดี ดังนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำถึงข้อควรพิจารณาและปัจจัยต่างๆในการเลือกซื้อประกันสำหรับผู้ที่สน ดังนี้
-
วัตถุประสงค์ในการซื้อประกัน
ผู้ซื้อประกันควรทราบวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการซื้อประกันเพื่ออะไร เช่น เพื่อป้องกันความเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือเพื่อสะสมเงินออมสำหรับการเกษียณ หรือเพื่อให้ความคุ้มครองแก่ครอบครัวในกรณีที่ผู้ซื้อประกันเสียชีวิต เมื่อรู้วัตถุประสงค์ที่แล้ว จะช่วยให้ผู้ซื้อประกันสามารถเลือกประเภทของประกันที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
-
ความต้องการและความสามารถในการจ่ายเบี้ย
ก่อนการเลือกซื้อประกัน ผู้ซื้อประกันควรพิจารณาถึงความต้องการและความสามารถในการจ่ายเบี้ยของตน เพื่อไม่ให้เกิดกรณีที่ไม่สามารถชำระเบี้ยได้หรือไม่ได้รับผลประโยชน์ที่คาดหวัง ซึ่งเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพ อาชีพ และผลประโยชน์ที่ได้รับ เบี้ยประกันที่สูงไม่ได้หมายความว่าดีที่สุด เหมือนที่เบี้ยประกันที่ต่ำไม่ได้หมายความว่าไม่ดี เพื่อให้ได้ประกันที่เหมาะสม ผู้ซื้อประกันควรเปรียบเทียบข้อเสนอและข้อจำกัดของแผนประกันต่างๆซึ่งขึ้นอยู่กับแผนประกันที่คุณเลือก เช่น ประกันชีวิต ก็ควรดูที่เงื่อนไข รายละเอียดสัญญา ผลประโยชน์ เบี้ยชำระ เป็นต้น
-
บริษัทประกันมีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ
ผู้ซื้อประกันควรเลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจประกัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการชดเชยหรือผลประโยชน์ตามสัญญา โดยผู้ซื้อประกันควรตรวจสอบข้อมูลของบริษัทประกัน เช่น สถานะการเงิน ผลการดำเนินงาน ความพึงพอใจของลูกค้า และการให้บริการหลังการขาย
-
ข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาประกัน
ในส่วนนี้ผู้ซื้อประกันควรศึกษาและทำความเข้าใจข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาประกันอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความผิดพลาดในการเคลมหรือได้รับผลประโยชน์ ผู้ซื้อประกันควรสอบถามและขอคำแนะนำจากตัวแทนประกันหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ เมื่อมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจ เช่น การยกเลิกสัญญา การโอนสิทธิ์ การแก้ไขข้อมูล หรือการต่ออายุ
-
การติดตามและปรับปรุงแผนประกัน
ผู้ซื้อประกันควรติดตามและปรับปรุงแผนประกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของความต้องการและสถานการณ์ในชีวิต เช่น การแต่งงาน การมีบุตร การเปลี่ยนงาน หรือการเจ็บป่วย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่สูงสุดจากการซื้อประกัน